ครอบครัวและเพื่อนๆ

เมื่อ The Show must Go on. (ลูกรัก)

จากคนโขน..สู่ กินรีร่อน…

ท่านคงเคยชมการแสดงนาฏศิลปของไทยเรามาบ้างน้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าเบื้องหลัง ความสวยงามวิจิตรนั้น..นักแสดงเหล่านั้นต้องทุ่มเทฝึกซ้อมกันเป็นอย่างมาก จากประสบการณ์ของผมเอง การที่เราตัดสินใจที่จะเลือกอะไรสักอย่างเพื่อลูกๆของเรานั้นเราต้องคิดแล้วละว่ามันดีที่สุดสำหรับเค้า แน่นนอนว่า เราซึ่งเดิมเคยเป็น แค่ผู้ชมอยู่หน้าม่าน เราได้พบความสวยงามของการแสดงนาฏศิลป เราตัดสินใจส่งลูกสาวเราเข้าฝึกฝน ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ(ปัจจุบันลูกสาวคนนี้อายุ 12 ปี) ในตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าระยะทางด้านนาฏศิลปของเค้าจะยาวไกลแค่ไหน เราแค่อยากเห็นลูกของเราได้แสดงความสามารถ  และเราได้เก็บบันทึกภาพไว้ซึ่งหวังว่าถึงวันที่แก่เฒ่าไปแล้ว เราสองคนผัว-เมีย จะได้นั่งเปิดอัลบั้มรูปของลูกๆเราและคุยกัน..นึกถึงความหลังเก่าๆ..(โอ้..ดราม่ามากเลยครับ) เราคงจะมีความสุข

ชีวิตนางรำ… ที่ผ่านมาตลอด 8 ปี ลูกสาวเราได้เข้าฝึกซ้อมนาฏศิลป ที่โรงเรียนนาฏดนตรีบ้านละครเป็นประจำ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์  เราซึ่งเป็นผู้ปกครองนั้นต้องทำใจและเข้าใจถึงวิถีทางของนาฏศิลป  การเสียสละเวลาและความเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง ลูกสาวเรา มีชีวิตแบบนางรำ รู้จักแต่บ้าน-โรงเรียนและโรงเรียนรำ เท่านั้น หลายๆอย่างที่ขาดหายไป เช่น โรงหนัง-เกมส์-นิยายน้ำเน่า-ช๊อปปิ้ง ลูกๆของเราจะไม่ค่อยได้เจอสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ได้มา คือ สมาธิ-ความอดทน-วัฒนธรรมไทยเดิม(เช่นการคานเข่า)และร่างกายแข็งแรง (ป่วยน้อยลง)  เท่าที่คิดออก ตารางการฝึกซ้อม ก็จะประมาณ เต้นฉาก400-500 ครั้ง ถีบเหลี่ยม…ดัดมือ..ท่องจำเนื้อเพลงและคัดเนื้อเพลง(อันนี้ได้ภาษาไทยด้วย)  อื่นๆอีกที่ผมไม่รู้  จากตอนนั้นถึงตอนนี้  ลูกสาวผมฝึกรำมา 8 ปีเป็นอย่างน้อย ได้ใช้ความสามารถพิเศษนี้ เป็นใบเบิกทางสู่โรงเรียนประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียง ได้โดยไม่ยากเย็นนัก  (มีพ่อ-แม่ผู้ปกครองหลายคนที่ไม่เข้าใจ คิดว่าการฝึกแค่ระยะเวลา 3-6 เดือน จะทำให้รำได้สวย
และสามารถแข่งขันกับคนอื่นๆได้ ซึ่งแน่นนอนว่ายากมากที่จะทำได้ดีเท่ากับคนที่ฝึกมาตลอดเวลา)

การรอคอย…การแสดง  บางที่ที่จะแสดงมันไม่ได้สวยหรู่เหมือนอย่างชุดที่ใส่ การนั่งรอที่ห้องเก็บของอับๆ ซึ่งต้องอดทน ทั้งชุดที่สวมใส่จะรัดติ้ว..จนหายใจไม่สะดวกทั้งกลิ่นต่างๆ เวลาที่นัดแสดงไม่ตรงกับเวลาที่เล่นจริงซึ่งบ่อยครั้งที่ช้ากว่ากำหนด ต้องทนให้ได้ ถ้าไม่เข้าใจ ผู้ปกครองหลายท่านจนเอ่ยปากว่า “คราวหน้าอย่ามาอีกนะ…” บางครั้งเค้าจ้างแสดงอยู่ต่างอำเภอต้องนั่งรถแออัดกัน เพื่อไปแสดงเพียง 5-10นาที ก็ต้องอดทน   ซึ่งเราในฐานะผู้ปกครองก็ต้องสงสารลูกเราเป็นธรรมดาแระครับ…แต่เค้าไม่บ่นและไม่ท้อแต่อย่างใด อันนี้เราก็นับถือน้ำจิตน้ำใจลูกเรามากเหมือนกัน ว่าลูกเรามันเก่งว่ะ…

เริ่มแสดง….ปัญหาทุกอย่างโยนทิ้งไว้หลังเวที…เบื้องหน้าเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ เพื่อโชว์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ การร่ายรำบนเวทีที่มีคนดูหลากหลาย ผมเชื่อว่าหลายคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับนาฏศิลมากนักหรอก ไม่เข้าใจถึงคุณค่าของมัน  ลูกจะรู้หรือเปล่า ว่าการแสดงของลูกนั้นเป็นการแสดงศิลปที่น้อยคนนักที่จะทำได้ขอให้ลูกภูมิใจ และโชว์ให้เต็มที่เอาให้ทุกๆคนเห็นและประทับใจและกล่าวขวัญกันต่อไป

คุณค่า…ที่ได้รับ อย่างน้อยครอบครัวเราได้มองเห็นถึงการอนุรักษ์ศิลปของชาติเรา เราส่งเสริมให้ลูกๆของเราได้ฝึกฝน ได้ทำ ได้รู้จักศิลปของเรา (มันเป็นของเราใครๆก็แย่งไปไม่ได้)ความภาคภูมิใจ…ในความเป็นไทย

กระแสเพลงสตริงเพลงร็อกนั้นนับวันจะมาแทนของไทยๆเราเป็นอย่างมาก ด้วยทำนองที่สนุกสนาน ลูกๆผมก็ชอบนะ ผมก็ชอบ เราดูCD คอนเสริ์ต BodySlam  ด้วยกันร้องเพลงสตริงด้วยกัน แต่ครอบครัวเราโชคดีที่มีนาฏศิลไทยเป็นฐานของเราอยู่แล้ว ดังนั้นเราได้ทุกๆด้านเลย ลูกสาวผมก็กำลังฝึกเล่นกีตาร์  ผมกำลังจะสื่อให้รู้ว่า เราสามารถรับวัฒนธรรมตะวันตกได้และเราก็ยังรักษาวัฒนธรรมเราเอาไว้ได้เช่นกัน

ทิ้งท้ายด้วย…การฝึกนาฏศิลปและดนตรีช่วยทำให้ปัญหาเรื่องสมาธิและช่วยลดปัญหาของเด็ก Hi-per ได้ ภายใต้การดูแลของครูโรงเรียนนาฏดนตรีบ้านละครทำให้เด็กที่มีพฤติกรรมHi-per และสมาธิสั้นได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้นจนผู้ปกครองได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและถึงขั้นบเอ่ยปากว่าแค่นี้ก็คุ้มค่ามากแล้ว และสำหรับท่านผู้อ่านผมหวังว่าท่านน่าจะได้ข้อคิดจากบทความนี้มั่งไม่มากก็น้อย

ประจันบาน อ่อนสนิท

About admin

No information is provided by the author.

Comments Closed

Comments are closed. You will not be able to post a comment in this post.