Tilde key (~) ใน windows 7

Tilde key (~) ใน windows 7
สัปดาห์ที่แล้วผมมีปัญหาที่แก้ไม่ตกอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เวลาพิมพ์ปุ่ม ~ (Tilde key ออกเสียง “ทิล-ดึ”) แล้วพิมพ์ไม่ได้ ตอนแรกสงสัยเบื้องต้น โทษ ไวรัสไว้ก่อน ตอนหลังเริ่มตั้งสติ แล้วก็นึกออกว่า ก็ลอง ถาม กู(เกิ้ล) ดูซิ ในเว็บไทยก็ได้คำตอบประมาณว่า
“การพิมพ์ TILDE (~) ใน Windows 7

เขียนโดย Administrator
คนที่ใช้ Windows 7 หลายๆ คนที่เขียน ABAP คงจะปวดหัวเล็กน้อยกับการพิมพ์ ~ หรือที่อ่านว่า TILDE นะแหละครับ เพราะมันดันเป็น Key ทำหรับเปลียนภาษาสำหรับคนไทย ถ้าเดิม (ไม่ใช่ Vista กะ Windos 7) พอเรากด Shift + ~ มันก็จะพิมพ์ ~ ออกมาให้แต่พอเป็น เป็น Windows 7 แล้วมันไม่พิมพ์ให้ ซึ่งจริงๆ แล้วที่อ่านในเวบมานั้น เขาบอกว่ามันเป็น Dead Key ซึ่งจะใช้งานได้ต้องกดค้างไว้ 2 วิ (อันนี้แหละที่ไม่รู้กัน) ส่วนวิธีแก้ไขนั้น ให้พิมพ์ได้แบบปกตินั้น ถ้าหาเจอ จะบอกอีกทีนะครับ”
ที่มา : http://www.thaiabap.com/index.php/thaiabaparticle/74-abap-tips/3448–tilde—windows-7
แปลว่าเริ่มมีคำตอบ จึงลองค้นด้วยภาษาอังกฤษดู แล้วก็ได้คำตอบว่า
“Mark5
Retired Logitech Employee / Moderator (Inactive)

Posts: 228
Registered: ‎05-16-2008
Give Kudos
Re: How to access tilde (~) and grave accent (`) on keyboard?
[ Edited ]
Options
‎12-21-2010 06:09 AM – edited ‎12-21-2010 06:09 AM
Hi Andrex,
If you’re looking to use the tilde and grave keys, press and hold the Alt key while pressing the tilde (~) or grave (`) keys.
Regards,
Mark”

ที่มา : http://forums.logitech.com/t5/Revue-and-Accessories/How-to-access-tilde-and-grave-accent-on-keyboard/td-p/541796
ได้ผลครับ ลองทำดู เป็นคำตอบที่ทำเอางง เพราะตั้งแต่ใช้คอมพิวเตอร์มาก็เพิ่งเห็นนี่แหละว่า นอกจากจะกด shift+…. หรือ ctrl+…. หรือ shift+ctrl+…. แล้ว ยังมี Shift + ~ ค้าง ประมาณ 2 วินาที จึงจะได้เจ้าตัว tilde key (~)นี้ ครับ

newsletter

Newsletter_1.2556

share&Learn2: เตรียมสัมมนาประจำปี

20 มี.ค.2555

ประชุมบุคลากรสายสนับสนุนเพื่อเตรียมประเด็นการสัมมนาประจำปี มีประเด็นที่จะต้องเก็บไปนำเสนอโดยใช้เค้าข้อมูลเดิมจาก

การสรุปปัญหาปีที่ผ่านมา กับข้อมูลจากการศึกษาดูงานที่ ม.มิดล และ ที่ ม.เชียงใหม่

ประเด็น คือ มีปัญหาอะไรบ้างที่ยังไม่ถูกแก้ กับ จะแก้ด้วยวิธีใด

จากนั้นให้แต่ละงานไปนำเสนอเป็นกิจกรรมที่จะทำเกื่อแก้ปัญหา

โครงการKM ลงมือทันที่ที่มีการประชุมกลุ่มของงานทุกครั้ง ต้อง Share&Learn เรียนรู้ปัญหา และลงมือแก้ ถ้า Share&Learn ครั้งแรกยังไม่เสร็จ ก็ Share&Learn อีกครั้งเพื่อหา solution

ข้อตกลงคือ

1.มีรองบริหาร และหัวหน้าสำนักงานเลขาเข้าร่วมกิจกรรม Share&Learn ของแต่ละงานทุกครั้ง

2. สรุปผลการพูดคุย ถ่ายรูป ลงในwebblog ของแต่ละงานทันที

3. จัดทำแผนกิจกรรมShare&Learn เสนอเป็นภาพรวม

4. เมื่อได้กิจกรรมแก้ปัญหาแล้ว ลงมือแก้ปัญหา สรุป ปรับปรุง เป็น วงจร PDCA

5. ใช้หลัก-ทฤษฎิที่จำเป็น เช่น KEIZEN , HO REN SO

6. ถือเป็นการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี

7. ถือเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทำแผนงานประจำปี

ดูรายละเอียด

share&learn1

Learning&Share :การพัฒนาและปรับปุงกิจกรรมนักศึกษา ประเด็นรับน้องใหม่ด้วยรูปแบบใหม่

13 มีนาคม 2553

ประชุมร่วมกับสโสรนักศึกษา ประเด็น เตรียมความพร้อมกิจกรรมรับน้องใหม่ 2555

ผู้เข้าร่วม

คณบดี ผช.คณบดี นักกิจการนักศึกษา นายกสโมสร กรรมการสโมสรนักศึกษา

ประเด็น

1. มีอะไรใหม่ ที่เราเปลี่ยนแปลงได้

รับน้องต้องสร้างสรรค์ ได้ใจ และประทับใจ

SOTUS ต้อวน่ากลัวหรือไม่ คำตอบคือ เราน่าจะเปลี่ยน Look ใหม่ ดูน่าเกรงแต่ไม่น่ากลัว แถมน่าจดจำ

ดังนั้น

1. ต้องเรียนดี แต่งตัวดี (อาจแถมหน้าตาดี)

2. เป็นแบบอย่างที่ดี เช่น ต้องตรงต่อเวลา ไม่เอาเปรียบรุ่นน้อง สอนด้วยความรัก

3. สร้างระบบที่ดีเพื่อการทำงาน ทำอะไรต้องมีคำอธิบาย ไม่ใช้อารมณ์ และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำและคำพูด

4.ทำอะไรให้พอดี อย่าเลยเถิดจนเกิดปัญหา

5. คำนึงถึงประกาศกระทรวง ประกาศ มอบ. ประกาศคณะ

สูตรเด็ด HR

สูตร Bank กสิกรไทย

ต้องใช้ ค่านิยม+วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง

เกณฑ์ในการคัดเลือกคน

1. Can do (ความสามารถ)

2. Will D0 (ความเต็มใจ)

3.ศักยภาพที่จะก้าวหน้าถึงระดับผู้จัดการ

4.เรียนรู้ได้รวดเร็ว

5.ใจกว้าง+ซื่อสัตย์ (นอกจากเก่งแล้วต้องดี+เอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงาน)

สูตรของ ปตท.

มีเป้าหมาย คือ Business Success ต้องทำเพื่อให้ธุรกิจขององค์กรเกิดความสำเร็จ

คน… ต้องเข้าใจในธุรกิจขององค์กร

ต้องคิด+วางแผนกรทำงานอย่างมีกลยุทธ์

ฝ่าย HR ต้องทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Line Manager

ต้องสามัคคี

ต้องเข้าใจและเห็นด้วยกับเป้าหมายองค์กร

สูตรของเครือซิเมนต์ไทย

อุดมการณ์ 4 ข้อ คือ

1.ตั้งมั่นในระบบคุณธรรม

2.มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ

3.เชื่อมั่นในคุณค่าของคน

4.เชื่อมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม

Line Manager สำคัญมาก เพราะ เป็นผู้ที่รู้จริงในสายงานนั้นๆ


บทความที่ดีมาก ทำให้เข้าใจ KM ได้ดี :การจัดการความรู้ SECI Model ฉบับพิสดาร

kmth00091-091217010925-phpapp01(1)

ผู้นำในฝัน

เมื่อคืน….

เหนื่อยและเพลียจากงานมุทิตาจิต 2554 พอหัวถึงหมอนก็หลับ ตื่นนอนตอนเช้า แบบงัวเงีย  มึน แต่ต้องฝืน อาบน้ำ แต่งตัวมาทำงาน ในช่วงอาบน้ำก็นึกไปด้วยว่าเมื่อคืน เราฝันว่าอะไร ทำไม มันถึงเหมือนนอนหลับไม่สนิท

อ้อ… ฝัน…..ว่าเมื่อคืนเดินทางไปไหนก็ไม่รู้ บ้านเมืองเขาน่าอยู่มาก สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายกันดี มีอะไรคอยช่วยเหลือ ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีพูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่นินทาว่าร้าย ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ชิงดีชิงเด่น ไม่คด ไม่โกง

บ้านเมืองนั้นมีผู้นำคนหนึ่ง เป็นคนดีมาก เท่าที่จำได้ ท่านเป็นคนมีลักษณะ ดังนี้

1.มีการศึกษาดี มีความรู้เชิงวิชาการที่ทำให้ผู้ตามมั่นใจได้ว่าผู้นำของเขา เก่ง

2.มีเมตตา มีอัธยาศัยดี มีน้ำใจกับทุกคน

3.มีความจริงใจ ต่อหน้าเป็นยังไง ลับหลังก็เชื่อได้ ว่าไม่นินทา ไม่ให้ร้ายใคร ไม่ สะ ตอ…เบอรี่

4.บริหารงานด้วยหลักวิชา หลักเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์

5.ไม่มีอคติต่อผู้อื่น

6.ยอมรับฟังความเห็นที่แตกต่าง แต่เมื่อต้องตัดสินใจแล้ว มีความเด็ดขาด

7.มีภาวะผู้นำสูง กล้าเผชิญการเปลี่ยนแปลง และมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำองค์กรไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

8.ตัดสินใจในเวลาที่พอเหมาะ ไม่ปล่อยปัญหาให้ลุกลาม แบบที่ว่า กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ หรือทำอะไรก็กลัวแต่ตัวเองจะเสียหาย เลยพาลไม่ทำมันซะ หรือโยนไปให้คนอื่นทำซะ (เอาตัวรอด คนเดียว คนอื่น ตายโหงช่างมัน)

9.ทำบุญตามโอกาสแต่ไม่ต้องถึงขั้นใจใหญ่ทำกฐินทุกปี

10……จำไม่ได้ เพราะสะดุ้งตื่น เสีย ก่อน …แต่ เอาเป็นว่า ได้ 9 ข้อนี้ก็ดีแล้ว ผู้นำในฝัน (วันหลังถ้าฝันอีก จะเอามาเล่าต่อ)

ปรับเงินเดือน

(30 ก.ย.) เมื่อวันที่ 29 ก.ย. มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆ ได้ข้อสรุปร่วมกันถึงการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการที่มีวุฒิปริญญาตรีเข้า ใหม่ เดือนละ 15,000 บาท

โดยที่ประชุมจะนำเสนอแนวทางการปรับฐานเงินเดือนเข้าสู่การพิจารณาของครม. ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ ซึ่งไม่ใช่การปรับขึ้นแค่ 6% ตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ เพราะการขึ้น 6% เป็นตัวเลขของการปรับขึ้นเงินเดือนทั้งระบบราชการในแต่ละปี

สำหรับแนวทางการปรับฐานเงินเดือนนั้น ทางก.พ.จะเสนอครม.ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ตั้งแต่วุฒิ ปวช.ไปจนถึงปริญญาเอก ในช่วง 2 ปี เริ่ม 1 ม.ค. 2555  โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

กลุ่มข้าราชการวุฒิ ปวช.

ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 6,400 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 14,000 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

- ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกจะได้ปรับฐานเงินเดือนขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,380 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกจะได้ปรับขึ้น 1,000 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้นอีก 1,000 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกจะได้ปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้นอีก 700 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 7-8 ปี ปีแรกได้ปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 400 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกได้ปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 100 บาท

ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบ ปวช.ที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 10,690 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 17,110 บาท

กลุ่มข้าราชการวุฒิ ปวส.

ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 7,670 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 16,710 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

- ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,290 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,590 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,000 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,200 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 900 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 7 ปี ปีแรกปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

- ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 100 บาท

ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบ ปวส.ที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 12,010 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 19,810 บาท

กลุ่มวุฒิปริญญาตรี

ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 9,140 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดที่ 19,910 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 1 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,540 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 3,320 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 2-3 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,800 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,700 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,300 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,300 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,800 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 7-8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 900 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,300 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 9 ปี ปีแรกปรับขึ้น 500 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 800 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาตรีที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 16,310 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 23,810 บาท

กลุ่มวุฒิปริญญาโท

ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 12,600 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 23,110 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 1 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,700 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,300 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,000 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,500 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,700 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 5 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,400 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 900 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,100 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 7 ปี ปีแรกปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 900 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 300 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาโทที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 18,710 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 26,610 บาท

กลุ่มวุฒิปริญญาเอก

ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 17,010 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 28,110 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

- ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,690 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,800 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 3-5 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,200 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 6-8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

- ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาเอกที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 24,810 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 33,210 บาท


ข้อมูลการใช้กระดาษของคณะวิศวะ



วันสถาปนา มอบ.

มีข้อถกเถียงกันแบบที่เล่นทีจริง ว่า มอบ.เกิดวันที่ 29 ก.ค.33 หรือ 30 ก.ค.33 กันแน่

วันที่ 29 ก.ค.33 คือวันที่ พรบ.มอบ.ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา พรบ.มอบ.นั้นเป็นกฎหมาย การตรากฎหมายเพื่อใช้งานนั้นเมื่อ ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วจะต้องลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเป็นการประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่ามีกฎหมายฉบับนี้แล้ว และตามหลักปฏิบัติทั่วไปพรบ.จะเขียนไว้ว่ากฎหมายนี้ให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั่นคือ 30 ก.ค.2533

ก็ไม่ต้องเถียงกันมากหรอก เอาเป็นว่า ปฎิสนธิในวันที่ 29 แล้วก็คลอดวันที่ 30 ก็แล้วกัน

เรื่องสำคัญกว่า คือ วันเกิดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครคิดยังไง

บางคนก็เห็นว่าสำคัญมาก ก็จัดงานซะใหญ่โต

บางคนเฉยๆ  ทำบุญตักบาตรเงียบๆ ไม่บอกใคร

บางคนลืมวันเกิดตัวเองไปเลย (บางคนแกล้งลืมเพราะไม่อยากเลี้ยงเพื่อน แต่ยังอยากได้ของขวัญ)

พระพยอม กัลยาโน บอกว่าวันเกิด ต้องจัดงานวันเกิดให้แม่เรา เพราะแม่เราเป็นคนเบ่งให้เราเกิด

ส่วนพวกที่ผ่าท้องออกมาก็เลยบอกว่าถ้างั้นฉันต้องจัดงานวันเกิดให้หมอด้วยเพราะหมอเป็นคนผ่าท้องแม่ให้เราเกิด ยุ่งกันไปหมดเพราะมีแต่เถียงกันไปข้างๆคูๆ

สรุปง่ายๆก็แค่ ให้ตระหนักว่าวันนั้นมีความสำคัญและคุณค่าอย่างไรใครที่เราควรรำลึกถึงบ้าง หาโอกาสตอบแทนบ้าง เป็นเรื่องของ “กตัญญู กตเวทิตา”

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เกิดขึ้นจากคุณูปการของ ท่าน รศ.ดร.สมจิตต์ ยอดเศรณี และมีอีกหลายๆ ช่วยกัน เช่น รัฐมนตรีอนุวรรต วัฒนพงศ์ศิริ  รศ.อุทิศ หิมะคุณ  รศ.ดร.วรพงศ์ สุริยภัทร(สุริยจันทราทอง) ฯลฯ ขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยนามอีกหลายท่าน

กตัญญู คือรู้คุณ รู้+สำนึกว่าใครทำประโยชน์ให้เรา มีบุญคุณต่อเรา

กตเวทิตา คือ การตอบแทน

สองคำนี้พระท่านบอกว่าเป็น “เครื่องหมายแห่งคนดี”

คนจีนก็นับถือเรื่องนี้เป็นอันดับต้น เขียนเป็น กฎเด็ดขาดว่า คนขาด“กตัญญู กตเวทิตา” ไม่มีวันประสบความสำเร็จ

คิดแบบคณิตศาสตร์ รู้กตัญญู ก็ได้ไป 50 คะแนน  รู้ กตเวทิตา ก็ได้อีก 50 คะแนน

บางคนคิดว่า สองคำนี้เป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ใช่ครับ เป็นคนละคำและความหมาย และควรมีทั้ง 2 คำ

ลองนึกดูซิ ยังมีคนอีกเยอะที่ ไม่มีทั้ง กตัญญู และกตเวที

…..

เขียนมาถึงบรรทัดนี้ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก

อยากฝากแค่ว่า  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ท่านทำงานกินเงินเดือนอยู่ทุกวันนี้ นั้น ยังพอจะนับว่าเป็นผู้มีคุณกับท่านบ้างไหม

ตอบแทนมหาวิทยาลัยบ้างเถอะ อย่าคิดแต่จะเอาอย่างเดียว

ถือเป็นของขวัญวันเกิดแก่ สถาบัน

และเป็นกตเวทิตาแก่บุคคลต่างๆที่ได้สร้าง มอบ.ไว้ให้พวกเรา