ไม่มีหมวดหมู่

ใครไม่ทำเราทำ (แง่คิดจากการฟัง)

  ผมมีโอกาศเข้าอบรม เรื่องการสร้างวินัยจราจร เนื้อหาดีมากๆ วิทยากรผู้ให้ความรู้ก็มาแชร์ประสบการณ์ แต่เรื่องหนึ่งที่ผมได้จากการนั่งฟังและอยากจะเขียนวันนี้ คือ ประเด็นเล็กที่วิทยากร จุดขึ้นมา คือ ถ้าเราต้องการแก้ไขปัญหาร่วมกับผู้อื่น อย่ามัวหาคนผิด แต่ให้หาคนเก่งทำงาน  ผมฟังวิทยากร อธิบายเพิ่ม แล้วคิดที่จะนำข้อคิดนี้มาปรับใช้กับชีวิตตัวเอง

          เราอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ เราอยู่ด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ใช่เฉพาะกับมนุษย์ด้วยกัน รวมถึงเรากับธรรมชาติ แต่ในที่นี้ ผมอยากจะพูดเรื่องความสัมพันธ์ของคนก่อน อย่างวิทยากรยกตัวอย่าง อุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย เช่น ถนนไม่ดี ชำรุด เป็นหลุมเป็นบ่อ พอเกิดอุบัติเหตุ เราก็โทษคนอื่นทันที พยามหาคนผิด หรือคนรับผิดชอบ โดยบางครั้งเราอาจไม่รู้ตัว จริงอยู่เป็นหน้าที่ของเค้าแต่ถ้าเราพยายามหาคนผิด เราจะไม่ได้รับความร่วมมือในการแก้ปัญหา เราจะโดนต่ต้านในทันที อาจจะได้ผล เห็นผลเร็ว ในการโทษคนอื่น แต่ถ้าเราลอง ใช้แนวคิดอีกแบบ ยกย่องคนที่แก้ปัญหา เช่น เราจะทำอย่างไร ถนนบริเวณนี้จึงจะลดการเกิดอุบัติเหตุได้ คนที่เกี่ยวข้องก็รู้สึกอยากจะอาสาตัวเองออกมาทำ เขียนถึงตรงนี้ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่าน มีความคิด ความรู้สึกร่วมกับผมใหม๊ ถ้าเป็นผมนะการได้ทำงานเพราะการมีจิตอาสา มีความสุขกว่าการโดนคนอื่นตำหนิให้มาทำงานที่ตัวเองทำอยู่แล้ว นอกเหนือจากที่งานออกมาสำเร็จแล้ว
ยังเป็นการผูกมิตรอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เรายังอาจจะเห็นผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันเช่น คนอื่นๆ ที่ไม้เกี่ยวข้องกับการซ่อมถนน ที่ชำรุด อาจหาวิธีที่ตัวเองพอจะช่วยได้ เอามาช่วยกัน ผมฟังแล้วรู้สึกดีมากๆ และถ้างานของเรา หรือสังคมที่เราอยู่ ต้องการ การแก้ปัญหาร่วมกัน อาจมีบางประเด็น หรือบางเรื่องที่เราสามารถประยุกต์ และใช้แนวคิดที่ว่า “อย่าหาคนผิด แต่หาคนเก่งทำงาน” และแนวคิดนี้ ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวันแต่ผม ยังไม่ค่อยได้ใช้ ต่อจากนี้ ผมจะเอาแนวคิดนี้มาใช้และพยามยามปรับแนวคิดตัวเองใหม่ เพื่อสังคมที่ผมคิดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะผมจะเริ่มที่ตัวของผมเองก่อน   ใครไม่ทำ เราทำ

คงไม่สายเกินไปที่จะเขียนเรื่อง”น้ำใจ”

        หลังจากที่ประเทศไทย พบกับมหาวิกฤติน้ำท่วม ซึ่งโดนไปหลายจังหวัด หลายพื้นที่ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ทั้งบ้านเรือนที่พักอาศัย ไร่นา เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ซึ่งผมโชคดีที่ จังหวัดที่ผมอยู่โดนไม่มาก ที่มาเขียนวันนี้ ผม อยากพูดใน 2 เรื่อง คือ เรื่องคนที่ซ้ำเติมคนที่เดือดร้อนอยู่แล้ว และเรื่องสิ่งดีๆ ที่เห็นในวิกฤตการครั้งนี้ (ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมถูกใจมาก)

 เรื่องที่ 1 คือ คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวซ้ำเติมคนที่เดือดร้อน ก็ที่เห็นๆเลยคือ พวกขโมยของของคนน้ำถ่วม เค้าเดือดร้อนแล้วยังเอาของเค้าอีก แทนที่เค้าจะได้ออกมาบริเวณปลอดภัย อย่างสบายใจ กลายเป็นต้องกังวลห่วงทรัพย์สินอีก บางคนถึงกับไม่ยอมมาอยู่เฝ้าบ้าน ดูแล้วก็สลดใจ ไม่รู้จะสาปแช่งยังไง คงได้แต่เป็นกำลังใจ  อีกพวกคือพวกหาผลประโยชน์กับคนทุกข์ ค่าเรือ ค่าจ้าง ค่าอาหาร ค่าข้าวของเครื่องใช้ ที่พากันถีบตัวสูงขึ้นกว่าที่น่าจะเป็นมาก ก็รู้ว่าต้องหากำไลกันบ้างแต่ไม่น่าเอามากมายขนาดนี้ เค้าเดือดร้อนอยู่แล้ว เค้าจำเป็นต้องใช้ ก็เหมือนมัดมือชก ไม่รู้จะขูดรีดกันไปถึงใหน และเรื่องสุดท้ายที่ผมเห็นว่ามันไม่ถูดไม่ควร ในสถาณการณ์อย่างนี้ คือ เรื่องยุให้แตกความสามามัคคี บางคนบางกลุ่ม พยายามเหลือเกินในการยุให้เกิดความแตกแยก สร้างเรื่อง ก่อกระแส ให้คนทะเลาะกัน ตอนนี้ เป็นเวลาที่ต้องทำแบบนี้เหรอครับ บางคนก็ติดเป็นนิสัย มือไม่พายเอาเท้าราน้ำถ้าทำอะไรดีๆไม่ได้ ก็อย่าทำอะไรให้มันแย่ลงเลย ผู้อ่านว่าใหมครับ ตอนนี้เราไม่ควรแบ่งเค้าแบ่งเรา มีแต่พวกเราจะดีกว่า

                      ส่วนเรื่องสิ่งดีๆ ที่เห็นในวิกฤตการครั้งนี้ คือ สังคมไทยยังเป็นสังคมน่าอยู่ มากครับ หลายคนหลายฝ่ายร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยเหลือกันและกัน ถึงขัดแย้งกันบ้างแต่สุดท้ายเราก็จะผ่านมันไปได้ ด้วยกัน ผมเห็น นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญา จากสมองจากฝีมือของคนไทย ซึ่งถ้าลองมาคิดเปรียบเทียบประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีประเทศหนึ่งที่เก็นเกาะน้ำก็ท่วมบ่อย แผ่นดินก็ไหวบ่อย บ้านเมืองเค้ามีเทคโนโลยีมากมายออกมา หรือว่าความคิดในการสร้างสรรค์ จะให้ได้ผลดีต้องเกิดแรงกระตุ้น แต่ผมอดภูมิใจไม่ได้ที่เกิดเป็นคนไทย มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ ทรงห่วงใยดูแล ทรงออกมาตรวจแย่มแบบไม่เป็นทางการก็มี ทราบซึ้งในพระมหากรุณาฑิคุณ  และก็ยังมีเรื่องที่ เห็นในภาพข่าว คนไทยเราช่วยเหลือกันดูแลกัน เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นแล้วเห็นได้ชัดเจน ตอนมีเหตุการณ์ เราไม่แบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย หรือเพราะน้ำมาเลยรวม 2 ฝั่งเข้าด้วยกัน กลายเป็นผืนน้ำผืนเดียวกันทั้งหมด ดูรายการทีวี
แล้วเห็นคำพูดดีๆ เลยขออนุญาตินำมาใช้ เพื่อเป้นกำลังใจให้พี่น้องที่ประสบภัยครั้งนี้  “น้ำมาเพื่อไป แต่น้ำใจไม่สินสุด” ให้มันมา ให้มันมา เราจะสู้กับมันด้วยกัน

                 ครั้งนี้ อาจเป็นการเตือนหรือเป็นการสื่อสารส่งสัญญาณให้เรารู้ว่า โลกที่เราใช้อยู่ ทรัพยากรณ์ที่เราใช้ไป เราหาผลประโยชน์กับโลกมากมาย อาจถึงเวลาที่เราต้องกลับมาดูแล โลกของเราแล้ว

ใครไม่ทำเราทำ(มีน้ำใจบนท้องถนน)

         ใครไม่ทำเราทำ ตอน นี้ที่อยากเขียน คือ มีน้ำใจบนท้องถนน เรื่องของเรื่องคือ ข่าวเร็วๆ นี้ หลายๆข่าว ที่ออกมาขับรถปาดหน้ากัน แล้วภรรยาก็บอกอยากให้เขียนเรื่องนี้บ้าง ที่จริงเลยผมก็เป็นคนหนึงที่ใช้รถใช้ถนน อยู่เป็นประจำ และคิดว่าคงมีอีกหลายๆคนที่เข้ามาอ่านก็คงเป็นคนหนึงที่ใช้รถใช้ถนน ผมเองเมื่อก่อนตอนยังเด็ก(ความคิดเป็นเด็ก) ก็ขับรถคิดว่าตัวเองขับดีแล้ว แต่ถ้ามีคนก่อกวน ก็จะปี๊ดทันที แล้วก็เข่นกัน พอชนะหรือเอาคืนได้ก็ สะใจ สบายใจ คิดว่าตัวเองเก่ง แค่ไม่ขับรถกวนใครก่อนก็เป็นคนดีบนท้องถนนแล้ว แต่พออายุมากขึ้น มีภรรยา แฟนก็จะว่าเวลาขับรถแบบนั้นเมื่อมีคนกวน ก็ลดระดับตัวเองลงมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบ้าง แล้วพอมีลูก ก็ขับรถระวังขึ้น คงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว(ความคิดเป็นผู้ใหญ่)

                            เมื่อก่อนตัวคนเดียว คิดว่าตัวเองเก่ง ที่จริง แค่ผมโชคดี ที่ยังไม่เจอคนที่เค้าเอาจริง ที่เค้ายิง ที่เค้าโมโหร้ายจริง ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ผมรอดพ้นช่วงนั้นมาได้ ถ้าท่านผู้อ่านพึ่งเข้ามาอ่านเรื่องของผมครั้งแรก ผมขออนุญาต ท้าวความ ใครไม่ทำเราทำ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งอาจเป็นส่วนเล็กๆ แต่ถ้าคุณผู้อ่าน อ่านแล้วเห็นด้วย หรือมีความคิดเห็นคล้ายกัน แนวๆเดียวกัน เรามาช่วยกัน เพื่อสังคมของเรา ถ้าไม่เห็นด้วยก็อ่านฆ่าเวลา หรือไม่ก็ข้ามไปนะครับ อย่างเรื่องการมีน้ำใจบนท้องถนน นี้ ผมขอเอาตัวอย่างที่ผมพบเจอมาเอง ประสบการณ์ของผม วิธีการคิดของผม มาแชร์กับท่านผู้อ่านนะครับ บางทีท่านอาจมีวิธีดีๆ ที่ดีกว่าผม ผมจะได้เอามาลองใช้บ้าง หรือท่านผู้อ่านรายอื่นอาจจะได้อาไร เล็กๆน้อยๆจากการอ่านฆ่าเวลานี้

(เพิ่มเติม…)

ใครไม่ทำเราทำ (ตอนที่3 อุบัติเหตุ)

               ใครไม่ทำเราทำ (อุบัติเหตุ(สูญเสียมากกว่าที่คุณคิด))

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ใครไม่ทำเราทำตอนนี้ ผม(ผู้เขียน)อาจพูดเรื่องน่ากลัวสักนิดนะครับ และบางช่วงบางตอนอาจมีเนื้อหาหรือภาพ ที่สะเทือนอารมณ์สักนิด แต่ผู้เขียนคัดมาแล้วเอาแค่พอดีๆ ตอนนี้เป็นตอนที่อยากเขียนมากๆ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้มีแนวคิดใครไม่ทำเราทำ อีกอย่างหนึ่ง

                 อุบัติเหตุ คำนี้ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นได้ ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นที่ใหน เมื่อไร  มันไม่ส่ง SMS มาบอกก่อน มันไม่โทรเตือน เกิดขึ้นแล้วก็มีแต่สูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเอง หรือคนใกล้ตัว มีหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้น ที่เราเห็นๆกันอยู่ บ่อยๆ และที่จะเขียนวันนี้ คืออุบัติเหตุบนท้องถนน เราทุกคนก็คงเป็นคนที่ใช้รถใช้ถนน ดังนั้นวันนี้ เลยอยากเขียนเรื่องนี้ น้องสาวของเพื่อนกำลังจะรับปรัญญา ในวันรุ่งขึ้น คืนวันนั้นออกไปหาซื้อของทานที่ เซเว่น รถกระบะขับเข้ามาชนอยู่หน้า เซเว่น เสียชีวิต คาที่ ทั้งๆที่อนาคตน้องเค้าอีกไกล กำลังจะเป็นบัณฑิต กำลังจะได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดของพ่อแม่ มารับปริญญาลูก แต่เพราะคนขับเมา ต้องไปงานศพแทน เพราะแค่คนๆเดียวกินเหล้า แล้วขับ เอาชีวิตลูกเค้าคืนได้ใหม๊ ก็ไม่ได้  น้องๆนักศึกษา ที่ใช้รถใช้ถนน เห็นบ่อยๆ ที่ ขับรถย้อนศรบ้างผิดกฏบ้าง บางทีเราคิดว่าไม่เป็นไร นิดๆหน่อยๆ ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวก็ดีไป แต่สมมุติว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมามันคุ้มกับเวลานิดหน่อย ที่จะทำตามกฏใหม แลกได้ใหม๊กับที่ต้องสูญเสียไป บางทีอาจหมดอนาคต หรือเสียชีวิต
หรืออาจทำให้คนอื่นสูญเสีย ดังนั้นเรามาร่วมกัน ร่วมมือกัน เมาไม่ขับ ไส่หมวกกันน๊อค ขาดเข็มขัด ขับขี่ให้ถูกกฏ เพื่อตัวเราเอง และคนที่รักเรา เพราะเวลาสูญเสียไม่ได้ตายแค่เรา แล้วจบ คนข้างหลัง คนที่รักเรา หรือคู่กรณี ครอบครัวของเค้า จะอยู่ยังไง

[yframe url='http://www.youtube.com/watch?v=tu4pLYT_yFA&feature=related']

 [yframe url='http://www.youtube.com/watch?v=B10nEWYdGMQ']

(เพิ่มเติม…)

ใครไม่ทำเราทำ ตอนที่ 2

ใครไม่ทำเราทำ ตอนที่ 2 “อยากเห็นเด็กวิศวะเคารพผู้ใหญ่”

         ชื่อตอนนี้ ว่าอยากเห็นเด็กวิศวะเคารพผู้ใหญ่ ไม่ได้แปลว่าตอนนี้เด็กวิศวะไม่เคารพนะครับ แต่ผม(ผู้เขียน)หมายถึง อยากเห็นเด็กวิศวะ น่ารัก ไปมาลาใหว้ กับผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะ ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในคณะ รวมรุ่นพี่ด้วย อันที่จริง ตอนนี้ ที่เห็นบางคนทำ ก็ประมาณว่า ไหว้เฉพาะอาจารย์ที่สอน ในเทอมนั้นๆ แล้วก็รุ่นพี่

           การไหว้เป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม อย่างหนึ่งของคนไทย เป็นการทำความเคารพ ที่ดูนอบน้อม สวยงาม อยากให้เด็กเยาวชนรุ่นใหม่ๆ รักษาเอาไว้ แต่ก็ไม่รู้กี่คนที่จะเข้ามาอ่าน และมีความเห็นตรงกับผม แต่ส่วนตัวมีความเชื่อว่า โลกนี้มีพลังหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คนทำความดี คนนอบน้อม มันจะเป็นสง่าราศี กับตัวเอง เด็กวิศวะ (พูดรวมๆ) บางคนก็ทำดีแล้ว อยากให้ทำดีต่อไป บางคนก็ยังไม่ทำ บางคนเขินที่จะทำ บางคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำ เพราะคิดว่าทำไปทำไม ไม่ว่าจะมีความคิดแบบใหน ถ้าเราทำความดี ความดี ก็อยู่กับเรา เช่นผมเล่าอดีตของผมให้ฟัง สมัยเรียนหนังสือ ฟ้าชาย เสด็จ ผ่านหน้าโรงเรียน ครูก็พามารับเสด็จ คนเยอะมาก ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ตำรวจ มีธงกระดาษคนละอันเอาไว้โบก รับเสด็จ ขณะที่ใกล้จะได้เวลา เสด็จผ่าน มีถุงพลาสติกใบใหญ่ ปลิวมากลางทางที่จะเสด็จ หลายคนเห็นแล้วเริ่มคุยกันเรื่องถุง ตำรวจที่ยืนคุมมอง แต่ไม่มีใครทำอาไร ผมเห็นและหวังว่าคงมีลมพัดให้ลอยไปที่อื่น แต่ไม่เป็นอย่างนั้น ผมตัดสินใจบอกตำรวจใกล้ๆ ว่าน้าๆเราไม่เอาออกเหรอครับ ตำรวจ บอกก็อยากเอาออก แต่เค้าต้องคุมตรงนี้ ผมเลยวิ่งไปเอาถุงเข้ามา
จากตรงที่ผมวิ่งไปถึงถุง เก็บถุงและกลับเข้าที่ ไม่น่าเกิน 5 วินาที แต่พอกลับเข้ามาเสียงปรบมือ โห่ร้อง เกรียวกราว ตำรวจยิ้มให้ หลังจากนั้นเพื่อนๆล้อสัก อาทิตย์ แล้วก็ลืมแต่มันเป็น 5 วินาทีที่ผมยังจำได้ ที่เล่าให้ฟัง คืออยากจะสื่อว่า ถ้าเราอยากทำความดีก็ทำเลย ไม่ต้องเข้นไม่ต้องอาย

               แต่ใครๆก็รู้ว่ามันดี เด็กวิศวะก็รู้ แต่อย่างว่าตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน จริงใหม๊ครับ

ทดสอบคลิ๊ปเสียงเพลง เพราะๆกัน

[stream provider=sound flv=x:/www.eng.ubu.ac.th/home/amata-yod/wp-content/blogs.dir/37/files/2011/05/Naruto-shippuden-The-Movie-Ost.The-Lost-Tower-18-Kikou5.mp3 embed=false share=false width=480 height=25 dock=true controlbar=bottom skin=stormtrooper.zip bandwidth=high autostart=true playlist=bottom repeat=always /]

ภาพน้องน้ำอุ่น ถ่ายตอน 3 เดือน 3 สัปดาห์